ที่วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีชุมพร
นายสมยศ ณ นคร นายอำเภอทุ่งตะโก ว่าที่ร้อยตรีนิพนธ์ ภู่พลับ
ผอ.วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี ชุมพร
ได้เดินทาง เข้าตรวจสอบ กระทิงป่า ที่ตายในสวนปาล์ม
ภายในวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีชุมพร
“ พอได้รับรายงานว่า
กระทิงป่าตายแล้วจึงได้เดินทางมาตรวจสอบ ก็พบว่า สภาพขึ้นอืดแล้ว
มีหนอนไต่อยู่ตามตั ประเมินเบื้องต้น น่าจะตายมาแล้วประมาณ
2-3 วัน ซึ่งนับว่าเป็นความสูญเสียของชาวอำเภอทุ่งตะโกอย่างยิ่งเพราะที่ผ่านมากระทิงตัวนี้
ทำให้อำเภอทุ่งโกเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย จนชาวทุ่งตะโกนับว่าเป็นส่วนหนึ่งและเป็นประชากรของอำเภอทุ่งตะโก
ส่วนตอนนี้ ก็ทำได้เพียงรอสัตว์แพทย์จากกรมอุทยานแห่งชาติ
สัตว์ป่าและพันธ์พืช
มาผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการตายที่แท้จริง เบื้องต้น ได้มีเจ้าหน้าที่ของ
อุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว หน่วยคลองเพรา มาเฝ้ารักษาไว้ เพราะไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ตามกฎหมายของกรมอุทยานฯ
” นายสมยศ กล่าว
“ เจ้าหน้าที่ของวิทยาลัยฯ
ได้เข้าไปภายในสวนปาล์ม ก็พบว่า กระทิงป่า ตายแล้ว จึงแจ้งมาให้ตนเองทราบ
จึงได้รายงานให้นายอำเภอทราบ ซึ่งที่ผ่านมา ชาวบ้านในพื้นที่อ.ทุ่งตะโก นับว่า
เป็นประชากรของชาวทุ่งตะโก ไปแล้ว โดยเฉพาะตนเองมีความคุ้นเคยกับกระทิงตัวนี้
ซึ่งพวกเราเรียกกันว่า เจ้าโทน ส่วนตัวแล้วยอมรับได้ว่า
เจ้าโทนเป็นหนี่งในสมาชิกของครอบครัว ซึ่งหลังจากมีการผ่าพิสูจน์แล้ว
ก็จะทำพิธีสวดทำบุญให้ด้วย หลังจากนั้นก็จะหารือผู้เกี่ยวข้อง
จัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์และทำรูปปั้นไว้ เพราะที่ผ่านมา
เจ้าโทนได้สร้างชื่อเสียงให้กับอำเภอทุ่งตะโกเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย สำหรับอายุ ของเจ้าโทน อยู่ที่ประมาณ 12 ปี
มาอยู่ในความดูแลของวิทยาลัยฯ และผู้เกี่ยวข้องในนามอำเภอทุ่งตะโก 5-6 ปี
แล้ว “ ว่าที่ร้อยตรี นิพนธ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา เจ้าโทน ได้ไปผสมพันธ์กับวัวของชาวบ้านนับสิบตัว
จนกระทั่งวัวของชาวบ้านได้ลูกวัวที่ผสมกับกระทิงป่าไปเลี้ยงกัน
โดยลูกวัวที่เกิดขึ้น กลายเป็นวัวสายพันธ์ใหม่ที่เป็นลูกผสมระหว่างกระทิงป่า และ
วัวพื้นเมือง
ซึ่งถือเป็นปรากฎการณ์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นได้ง่ายนักหรืออาจเป็นครั้งแรกในเมืองไทยเพราะที่ผ่านมาแม้จะมีการพยายามผสมกันในหลายสถานที่ที่มีการจับกระทิงป่าได้และนำมาผสมกันแต่ไม่เคยสำเร็จ
แต่ท้ายที่สุดเจ้าโทนก็มาตายลงเสียก่อน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น